Site Overlay

Thailand Virtual tours

การทัวร์เสมือนจริง

ทัวร์เสมือนจริง กับ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อันโดดเด่น ของแต่ละคลอง

Defence Hall Museum

Wat Ratchabophit

Wat Ratchanaddaram worawihan

Wat Somanas rajavoraviharn

Museum and Library Abbot of Wat Bowon Niwet Vihara

วิดิทัศน์แนะนำทัวร์เสมือนจริง ๕ สถานที่

Defence hall museum

Wat Ratchabophit

Wat Ratchanaddaram worawihan

Wat Somanas rajavoraviharn

Museum and Library Abbot of Wat Bowon Niwet Vihara

วิธีการท่องเที่ยวด้วยทัวร์เสมือนจริง (อ่านก่อนเข้าชมด้วยตนเอง)

เดินท่องเที่ยวด้วยการคลิกไปที่วงกลมตามพื้นของสถานที่ หากต้องการขยายภาพให้ใช้ลูกกลิ้งเมาส์ (scroll mouse) อีกทั้งรองรับการดูด้วยแว่นตาสามมิติ

ณ คูคลองเมืองเดิม

ทัวร์เสมือนจริง ณ พิพิธภัณฑ์ศาลาว่าการกลาโหม

สำหรับพิพิธภัณฑ์ศาลาว่าการกลาโหม ตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 1 อาคารศาลาว่าการกลาโหม ด้านทิศตะวันตก มีพื้นที่ประมาณ 312 ตารางเมตร กำหนดรูปแบบพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 8 พื้นที่ ประกอบด้วย ห้องประวัติจากโรงทหารหน้าสู่ศาลาว่าการกลาโหม, ผังพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ปืนใหญ่โบราณหน้าศาลาว่าการกลาโหม, สมุดรายชื่อทหารไทยกองอาสาไปสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ทวีปยุโรป จำนวน 1,424 นาย, สมุดไทยดำบันทึกยอดไพร่พล, ประวัติพญาคชสีห์ด้านหน้าศาลาว่าการกลาโหม,แบบเรียนตำราแบบฝึกทางการทหารสมัยรัชกาลที่ 5, ภาพประวัติศาสตร์ศาลาว่าการกลาโหมและหัวเสาธงชาติ

แผ่นพับข้อมูลพิพิธภัณฑ์ศาลาว่าการกลาโหม

พิพิธภัณฑ์ปืนใหญ่โบราณ
ดูข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแสกนคิวอาร์โค้ด

ณ คลองหลอดวัดราชนัดดา

ทัวร์เสมือนจริง ณ โลหะปราสาท
วัดราชนัดดา

ชมโลหะปราสาทหนึ่งเดียวในโลก ณ วัดราชนัดดารามวรวิหาร พร้อมเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมสวยภายในพระอุโบสถและพระวิหาร ที่สะท้อนเอกลักษณ์ความงามคู่กรุงรัตนโกสินทร์ วัดราชนัดดารามวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้น ณ ริมคลองรอบกรุง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระราชนัดดาพระองค์เดียวที่ทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางนาฏโสมนัสวัฒนาวดี บรมอัครราชเทวี พระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดราชนัดดารามวรวิหาร จึงเป็นวัดที่มีความหมายยิ่งต่อพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งยังมีปูชนียสถานที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร นั่นคือ “โลหะปราสาท” อีกหนึ่งพุทธสถานสำคัญสัญลักษณ์คู่กรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งยังเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธมาเป็นเวลาช้านาน

ณ คลองหลอดวัดราชบพิธ

ทัวร์เสมือนจริง ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็น วัดประจำรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 3 พระองค์รวมถึงพระองค์ปัจจุบันนี่คือวัดที่เป็นที่ตั้งของสุสานหลวงแห่งเดียวในกรุงเทพมหานคร นี่คืออีกหนึ่งวัดที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของในหลวงรัชกาลที่ 9 และนี่ยังเป็นอีกวัดที่นำพาโลกตะวันตกเข้ามาผสมผสานกับโลกตะวันออกอย่างลงตัวที่สุดคุณสมบัติทั้งหมดนี้ชี้นำไปสู่วัดเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยโปรดฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ และเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) เป็นแม่กองอำนวยการสร้างวัดตามลำดับการก่อสร้างวัดแห่งนี้เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2412 เมื่อแรกสร้างวัด ทรงซื้อวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ฑีฆชนม์เชษฐประยูร และเจ้าจอมมารดาคล้าย พร้อมกับซื้อบ้านเรือนข้าราชการและชาวบ้านเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับสร้างวัด สิ้นพระราชทรัพย์ไปเป็นเงิน 2,806 บาท 37 สตางค์ (ดูเหมือนน้อย แต่เราต้องไม่ลืมนะครับว่านี่คือค่าเงินในสมัยรัชกาลที่ 5) พร้อมกันนั้นยังทรงนิมนต์พระสงฆ์จากวัดโสมนัสราชวรวิหารมาจำพรรษา พร้อมกับอัญเชิญ ‘พระนิรันตราย’ มาประดิษฐานเอาไว้ด้วยโดยมูลเหตุในการก่อสร้างก็เพื่อให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์จะทรงสร้างวัด และยังแสดงถึงพระราชศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วย

ณ คลองโอ่งอ่าง หรือ คลองรอบกรุง

ทัวร์เสมือนจริง ณ วัดโสมนัสราชวรวิหาร

วัดโสมนัสราชวรวิหาร หรือ วัดโสมนัสวิหาร สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สร้างขึ้นด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมแบบไทยในสมัยกรุงรัตนโกสิน ภายในอุโบสถและพระวิหารมีภาพจิตกรรฝาผนังอันงดงาม มีคลองผดุงกรุงเกษมที่รัชการที่ 4 โปรดให้ขุดขึ้นแล้วเสร็จในปี 2395 ผ่านทางด้านหน้าของพระอุโบสถ ภายในวัดมีเจดีย์ 2 องค์ เจดีย์องค์ใหญ่ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ (เจดีย์ทอง รูปทรงแบบลังกาสีทองเหลืองอร่าม ยอดแหลมสูงเด่นเป็นสง่า สามารถมองเห็นได้ไกลซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาชมความงามและกราบนมัสการกันอยู่มิได้ขาด) และยังมีเจดีย์องค์เล็ก (เจดีย์มอญ) อีกองค์ที่มีลักษณะสวยงามเช่นเดียวกับปรินิพพานสถูปในอินเดีย และหาชมได้ยากเพราะเจดีย์ลักษณะนี้มีเพียง 2 องค์ในประเทศไทย คือ ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร และที่วัดกันมาตุยาราม อีกองค์หนึ่ง ปัจจุบันมีการก่อสร้าง สิ่งก่อสร้างเพิ่มเติม อาทิเช่น ตึก 150 ปี โรงเรียนศาลักษณาลัย ศาลาสำนักงานภาค ศาลาสถิต ศาลามุขหน้าวัด ตึก 80 ปีสมเด็จพระวันรัต เป็นต้น เริ่มก่อตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างพระราชอุทิศ สมเด็จพระนางเจ้า โสมนัสวัฒนาวดี เมื่อปี พ.ศ. 2396 ทรงวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถวิสุงคามสีมาอุโบสถ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2396 (จ.ศ. 1215) ครั้นสิ่งก่อสร้างสำเร็จลงบ้าง พอเป็นที่อาศัยจำพรรษาของภิกษุสามเณรได้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงอาราธนาพระอริยมุนี (พุทธสิริเถระ ทับ ป, 9) จากวัดราชาธิวาส พร้อมด้วยพระสงฆ์ราว 40 รูปโดยขบวนแห่ทางเรือ เสด็จมาประทับที่กุฎี ภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนตำแหน่งพระอริยมุนีเป็นพระพรหมมุนี ในปี 2415 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนตำแหน่งพระพรหมมุนีเป็นพระพิมลธรรม ในปีเถาะ พ.ศ. 2422 และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระพิมลธรรมเป็นสมเด็จพระวันรัต ต่อมาสมเด็จพระวันรัตได้ก่อสร้างสิ่งที่ยังไม่แล้วเสร็จให้เสร็จสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ท่านได้สร้างและเชิญพระสัมพุทฺธสิริมาจากวัดราชาธิวาสคราวยกวัด เพื่อมาเป็นพระประธานภายในพระอุโบสถ และพระสัมพุทธโสมนัสวัฒนาวดีนาถบพิตร(พระประธานในวิหาร) และ พระอัครสาวก เป็นของหลวงเชิญมาจากพระบรมมหาราชวัง

ทัวร์เสมือนจริง ณ พิพิธภัณฑ์ และห้องสมุดเจ้าอาวาส
วัดบวรนิเวศวิหาร

วัดบวรนิเวศวิหาร ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม "พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร" ณ อาคารมนุษยนาควิทยาทาน ภายในเป็นการจัดแสดงพระประวัติ พระเกียรติคุณ ผลงาน อัฐบริขารและสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (มีอุปกรณ์ดาราศาสตร์ของพระองค์ท่านจัดแสดงอยู่ด้วย), สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (แสดงบัญชีดาวหาง, จดหมายเหตุบัญชีน้ำฝน, กระดานปักขคณนา ของพระองค์ด้วย), สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (จัดแสดงลายพระหัตถ์ เอกสารร่างพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว), พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ ธรรมประทีป) และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
Scroll Up
Translate »